เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ น.ส.มณีรัตน์ นะวงรัมย์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189/1 หมู่ 3 บ้านหนองคล้า ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยครอบครัว ได้ร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มเข้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนาที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนจำนวนมากที่พากันมากราบไหว้ขอพรจากหลวงปู่สรวงว่า หลังจากที่ตนกับครอบครัวได้พากันมากราบไหว้ขอพรจากหลวงปู่สรวงในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 แล้ว จากนั้นได้พากันไปให้อาหารช้างที่ปางช้าง และได้พากันมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ตลาดประชารัฐ ตลาดวัฒนธรรมวัดไพรพัฒนา (บายตึ๊กเจีย) เมื่อตนได้ล้วงกระเป๋าจะหยิบโทรศัพท์ออกมาปรากฏว่า ไม่เจอกระเป๋าเงิน ที่เป็นกระเป๋าขนาดเล็กสีน้ำตาล มีเงินในกระเป๋าจำนวน 12,000 บาท ตนมั่นใจว่ากระเป๋าเงินจะต้องตกที่บริเวณปางช้าง ดังนั้น จึงได้รีบเดินไปที่ปางช้าง และได้สอบถามจากเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิหลวงปู่สรวงที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่บริเวณปางช้าง ทราบว่า คนที่เก็บกระเป๋าเงินไปเป็นชายสวมเสื้อเทา และได้พากันเข้าไปกราบไหว้หลวงปู่สรวงภายในวัดไพรพัฒนาแล้ว เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิหลวงปู่สรวงจึงได้เชิญ น.ส.มณีรัตน์ ไปกราบนมัสการพระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะ อ.ภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา เพื่อรายงานเหตุการณ์ให้ทราบ ซึ่งหลวงพ่อพุฒ ได้ประกาศทางเครื่องขยายเสียงของวัด ประกาศประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้ที่เก็บกระเป๋าเงินได้ ขอให้นำเอาเงินมาส่งคืนให้กับเจ้าของเงินด้วย ประกาศจำนวน 3 ครั้ง โดยมี น.ส.มณีรัตน์ เฝ้ายืนรอฟังผลอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ได้มีชายคนหนึ่งพร้อมด้วยครอบครัวทราบชื่อภายหลังว่า คือ นายวันชัย โสภา อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 354 หมู่ 7 บ้านคะนา ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้เดินเข้ามากราบนมัสการหลวงพ่อพุฒ และแจ้งว่า ตนเป็นผู้ที่เก็บกระเป๋าเงินได้ มีเงินในกระเป๋า จำนวน 12,000 บาท ซึ่งเมื่อ น.ส.มณีรัตน์ เห็นกระเป๋าเงินของตนได้ร่ำไห้ออกมาด้วยความดีใจสุดขีด ซึ่งนายวันชัย ได้มอบเงินให้หลวงพ่อพุฒ และหลวงพ่อพุฒ ได้สอบถาม น.ส.มณีรัตน์ ว่า ใช่กระเป๋าเงินของตนเองหรือไม่ เมื่อ น.ส.มณีรัตน์ ยืนยันว่า กระเป๋าและเงินจำนวน 12,000 บาท เป็นของตนเอง หลวงพ่อพุฒ จึงได้มอบเงินและกระเป๋าเงินให้กับ น.ส.มณีรัตน์ ซึ่งเป็นเจ้าของเงินตัวจริง ซึ่ง น.ส.มณีรัตน์ ได้ดีใจมากจนร่ำไห้ออกมาและเข้าไปยกมือไหว้ขอบคุณนายวันชัย จากนั้น หลวงพ่อพุฒ ได้นำเอาวัตถุมงคลหลวงปู่สรวง มามอบให้กับ นายวันชัย และน.ส.มณีรัตน์ พร้อมด้วยคณะทุกคนเพื่อจะได้ขอให้บุญฤทธิ์ของหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา ปกปักรักษาคุ้มครองป้องภยันตรายทุกคนให้ค้าขายร่ำรวย เจริญในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้นไป
นายวันชัย โสภา อายุ 38 ปี หนุ่มใจบุญที่เก็บกระเป๋าเงินได้ กล่าวว่า ตนกับคณะมาที่ปางช้างและปรากฏว่า ตนได้ลืมกระเป๋าเงินไว้ที่รถยนต์ส่วนตัว จึงได้เดินออกมาเพื่อจะไปเอากระเป๋าเงิน ปรากฏว่า ได้พบกระเป๋าสีน้ำตาลตกอยู่และได้หยิบขึ้นมา เปิดกระเป๋าดูพบว่ามีเงินอยู่จำนวน 12,000 บาท ตนเห็นว่าเป็นเงินที่เยอะมาก ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจเพราะว่า เงินเยอะขนาดนี้เจ้าของเงินคงจะเสียใจที่กระเป๋าเงินตกหายไป แต่ตนไม่รู้ว่าเป็นกระเป๋าเงินของผู้ใด เนื่องจากว่าไม่มีเอกสารระบุชื่อผู้ใดอยู่ในกระเป๋าเงิน ไม่รู้ว่าจะต้องเอาเงินไปคืนให้ใคร ตนจึงได้เก็บกระเป๋าเงินไว้ จากนั้น ตนและคณะได้เดินไปที่มณฑปหลวงปู่สรวงเพื่อกราบไหว้ขอพรจากสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่สรวง หลังจากกราบไหว้ขอพรหลวงปู่สรวงเสร็จแล้วได้มาปิดทองพระพุทธรูปเก่าแก่ที่บริเวณหน้ามณฑปหลวงปู่สรวง ทันใดนั้น ตนได้ยินเสียงประกาศของพระครูโกศลสิกขกิจว่า มีกระเป๋าเงินตกหาย ตนและคณะจึงได้นำเอากระเป๋าเงินสดจำนวน 12,000 บาทมาส่งคืนให้กับ น.ส.มณีรัตน์ เพราะว่า เงินเยอะมากจึงได้เอาเงินมาคืนให้เจ้าของเงินดีกว่า ถือว่าเป็นการทำบุญใหญ่ในช่วงปีใหม่นี้ด้วย
น.ส.มณีรัตน์ นะวงรัมย์ อายุ 26 ปี กล่าวด้วยน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความดีใจว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่เงินหายไป จำนวน 12,000 บาท แล้วมีผู้ใจบุญเก็บได้นำเอามาส่งคืน เงินจำนวนนี้สำคัญกับตนมาก เพราะว่า ตนทำงานหลายเดือนเพื่อที่จะได้เก็บเงินก้อนนี้เอาไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ จากนั้น ตนกับสามีจะเข้าไปทำงานที่กรุงเทพเพื่อหาเงินส่งมาเลี้ยงครอบครัว ตนเชื่อว่า การที่เงินหายไปแล้วได้เงินคืนอย่างรวดเร็วมากนี้เป็นเพราะบุญฤทธิ์ความเมตตาของหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา ซึ่งเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ตนเคารพศรัทธามาก ได้แสดงบุญฤทธิ์ให้ความเมตตาช่วยให้ตนได้เงินจำนวน 12,000 บาทที่หายไปได้เงินคืนมาทั้งหมด ตนต้องขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อพุฒ วายาโม และนายวันชัย ที่ได้ให้ความเมตตาตนและครอบครัวในครั้งนี้
ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ